วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรื่องที่แตกต่างของฝรั่งเศสกับไทย

  ๑.คนฝรั่งเศส ชอบสั่งน้ำมูกเสียงดัง บางทีเจอชายหนุ่มหล๊อหล่อแต่ดันสั่งน้ำมูกเสียงดังโอเคเลย ยิ้มค้างแหละข้าพเจ้า
  ๒.เรื่องของตดอันนี้คนใกล้ตัวเลย ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เวลาอยากจะตด ก็เรียกว่า ปล่อยกันอย่างเสรีเลยทีเดียว
  ๓.เรื่องของการล้างจานที่บ้านมีเครื่องล้างจาน แต่ชอบวางจานที่ใช้แล้ว รอจนกว่าจะเต็มเครื่องแล้วถึงจะล้างทีเดียว ซึ่งบางทีก็กินเวลาไปสองวันบางบ้านกินเวลาไปวันที่สามเอ่อสองวันก็ว่าแย่แล้ว
  ๔.หากล้างจานเพียงไม่กี่ใบคนที่นี่จะใช้น้ำยาล้างจานแบบพิเศษ ที่จุ่มน้ำเดียวแล้วเอาขึ้นมาเช็ดให้แห้ง โดยที่ไม่ล้างน้ำทิ้งแบบบ้านเราจนสะอาดจนแน่ใจอะไรประมาณนั้น หรือเค้าประหยัดน้ำกันขนาดนั้นนะ
  ๕.เรื่องการอาบน้ำที่นี่จะอาบเพียงครั้งเดียวต่อวัน และอาบแบบรวดเร็วมาก ไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จแล้ว
  ๖.เรื่องเสื้อผ้าจะใส่ซ้ำอยู่ สาม ครั้งกันเลยทีเดียว
  ๗.เรื่องกิน เป็นอันรู้กันว่า วัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสนั้นเป็นสเต็บ จะเริ่มจากของเบาๆ ก่อน แล้วตามด้วยเมนูหนัก เช่น ถ้ามีหน่อไม้ฝรั่งต้ม สลัดผัก แกะอบ ขนมปัง ชีส ก็จะไล่กันมาเป็นสเต็บ จะกินทีละเมนู
  ๘.เห็นหลายบ้านที่มีตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ยิ่งกว่าร้านขายอาหารทะเลแบบว่าอลังการสุดๆ สองตู้แช่ใหญ่ๆ สามตู้เย็นปกติ รวมๆ แล้วก็ซัดไปสี่ห้าตู้กันเลยทีเดียว (ค่าไฟเท่าไหร่ไม่ต้องเดาให้ยาก) อาจเป็นว่า เก็บตุนเสมียงช่วงหน้าหนาว
  ๙.เรื่องประหยัด อันนี้เห็นทุกครัวเรือน ที่ต้องประหยัด หรือคนชาตินี้ ระมัดระวังเรื่องเงินกันทั้งประเทศก็ไม่รู้นะ ชาติอื่นเป็นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เมืองไทยเรา ก็ไม่คิดว่าจะต้องประหยัดกันมากมายก่ายกอง เช่น เวลาที่ต้องการซื้อของกิน ผลไม้ ผักสด บ้านเราก็ซื้อกินกันจุใจ กินไม่หมดก็ทิ้งบ้างสำหรับผัก แต่ที่นี่ เห็นชัดๆ ว่าระมัดระวังและบริการควบคุม เรื่องผัก ได้อย่างไม่มีเหลือทิ้ง
  ๑๐.เรื่องของการใช้รถยนต์ ที่นี่เห็นว่ารถคันเล็กแล้ว ก็ยังมีเล็กกว่าที่เห็นอีก เรียกว่าแข่งกันเล็กก็ว่าได้ ในขณะที่บ้านเรา แข่งกันขับรถคันใหญ่โตมโหฬาร
  ๑๑.เรื่องการบริการคนที่นี่จะบริการตัวเองเป็นหลัก เช่น เติมน้ำมัน หรือไปช็อปปิ้งก็จะต้องไปเก็บรถเข็นเข้าที่เข้าทางห้ามทิ้งเกะกะ หรือ การที่เราจะแหลมหน้าเข้าไปช่วยเหลือใครบางคน
ต้องถามเค้าก่อนว่า เขาต้องการหรือเปล่า เนื่องจากมันจะเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว ในขณะที่บ้านเราเป็นการแสดงความมีน้ำใจ และเรื่องของการบริการ บ้านเรานี่บริการสุดใจขาดดิ้นกันเลยทีเดียว ที่ฝรั่งเศสนี่ยาก!!!!
  ๑๒.เรื่องเวลาเปิดปิดห้าง สรรพสินค้า ที่นี่เปิดกันแค่ สองสามทุ่มในเมืองใหญ่ๆ ปิดเสาร์อาทิตย์ อีกต่างหาก

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เมืองคานส์และเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

       

       เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่ง และมีอิทธิพลมากที่สุดรวมถึงชื่อเสียง เทียบเคียงกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน งานจัดขึ้นประจำปี ราวเดือนพฤษภาคม ที่ Palais des Festivals et des Congrès ในเมืองกาน ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
       สำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาที่นี่ก็มีกีฬาทางน้ำอยู่หลากหลาย ส่วนใครจะเดินทางไปเที่ยวเกาะแก่งก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง อีกมุมหนึ่งที่บอกถึงฐานะความเป็นอยู่ของชาวเมืองนี้เป็นอย่างดีก็คือ ท่าจอดเรือยอร์ชต ซึ่งเรือยอร์ชตราคาเท่าบ้านจอดเรียงรายหน้าอ่าว เพราะคนที่นี่จะใช้เรือยอร์ชตเป็นพาหนะประจำบ้านกันทั้งนั้น
เมื่อเดินบุกเข้าไปในย่านเมืองเก่าของคานส์ หรือ Old Port ที่เรียกว่า ย่านซูเกต์เป็นย่านที่อุดมไปด้วยโบสถ์และอาคารต่างๆ ที่เก่าแก่ แต่แอบซ่อนความหรูหราไว้มากมาย

เมืองคานส์ เป็นเมืองที่เหมาะสมกับการเดินเที่ยวสะดวกมากที่สุด เพราะถนนบางสายแคบและรถติดมากหรือหากพักไกลออกไปจากดาวน์ทาวน์ก็จะใช้บริการรถบัสก็ได้ บางคนนิยมใช้บริการแท็กซี่ ซึ่งหาได้ตามจุดเรียกแท็กซี่มิเตอร์ทั่วไป
แม้คุณจะไม่ใช่มนุษย์ผู้แบกความฝันว่าอยากเข้าไปโลดแล่นในวงการ Hollywood ก็ไม่แปลกถ้าจะเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสเพื่อลองชิมรสชาติของความหรูหราอลังการอย่างเมืองคานส์ดูบ้าง


วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติมาการอง (Macaron)

       


       มาการอง (Macaron) มีประวัติศาสตรยาวนานหลายร้อยปี และช่วง 5-6 ปีมานี้ ชาวปารีสและเหล่าฟู๊ดดี้ในประเทศโลกเจริญแล้ว ต่างคลั่งไคล้ใหลหลงคุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ 2ชิ้นประกบกัน ตรงกลางมีไส้ หน้าตาเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ รสหวาน สีสันสดใส และราคาสูงจนน่าตกใจ และวันนี้ร้านขนมในเมืองไทยหลายร้าน เริ่มผลิตมาการองออกวางขายกันไม่น้อย แม้ผู้บริโภคจะยังไม่ต่อคิวรอซื้อมากินกันเป็นล่ำเป็นสันก็ตาม เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส
        ในยุคข้าวยากหมากแพง ช่วง Frenchrevolutionที่มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงนั้นมิชชันนารีชาวอิตาลี ที่อาศัยในฝรั่งเศสหาวิธีทำดำรงชีพจากAlmond น้ำตาล และไข่ขาว ซึ่งเป็นของราคาไม่แพง แต่มีคุณค่าทางอาหาร จึงริเริ่มนำสามอย่างนี้มาตีรวมกันและอบในเตาอบ ออกมาเป็นขนมรูปร่างคล้ายจานบิน ด้านนอกกรอบนิดๆ กัดเข้าไปด้านใน ทุกอณูนิ่มละลายในปากทันที ด้วยรสชาติที่หอมหวานลงตัว และวัตถุดิบที่หาง่ายในยุคนั้นราคาไม่แพงมาการองจึงได้รับความนิยมแพร่หลาย

       จนกระทั่งต่อมามีผู้นำมาการองสองอันมาประกบกันแล้วทำไส้อยู่ตรงกลางซึ่่งเป็นรูปแบขนมmacaronที่รับประทานมาจนทุกวันนี้มาการองยุคใหม่ ถูกปฏิวัติให้เจ๋งยิ่งขึ้นโดยพ่อมดของหวานชาวฝรั่งเศส Piere Herme' ซึ่งนำผลไม้จากทุกมุมโลกมาสร้างสรรค์มาการองรสชาติต่างๆ จนกระทั่งกลายเป็นขนมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นทั้งของหวานแสนอร่อย เป็นทั้งแฟชั่น ที่เชฟเทพๆทั้งหลายแข่งกันครีเอตหน้าตา และรสชาติออกมาอย่างสวยงาม

      
       เสน่ห์ของ มาการอง”  ไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเท่านั้น แต่ว่ากันว่าลักษณะของมาการองที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่รูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ ที่มองดูจากด้านบนจะเป็นรูปวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของ เมล็ดอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนล่างของชิ้นขนมที่เรียกว่า  “Foot”  หรือบางคน  เรียกว่า  “Skirt”  ซึ่งมัน คือ รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งกว่าจะทำได้เช่นนั้นก็ต้องมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร  และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ  กลิ่นอันหอมหวาน  เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำ มาการองสองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม   นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ครีมยังทำให้ มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย  จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้ครีมกานาชกับเนื้อคุกกี้  ขนาดของส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่ต้องเท่า ๆ กัน  รวมทั้งไส้ที่บีบให้พอดีขอบและมองเห็นเป็นแนวเส้นเล็ก ๆโดยรอบตลอดชิ้น


       
       สำหรับในเมืองไทย  ในขณะที่กิจการร้านน้ำชา กาแฟ และ เบเกอรี่ กำลังบูมกันทั่วไปในทุกฟากฝั่งของถนน  ความนิยมในขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศสนี้ก็มีเพิ่มพูนขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน  เพราะ มาการอง ( Macarons ) มีประวัติยาวนานหลายร้อยปีเหมือนเป็นขนมในตำนาน  ไม่เพียงแต่ชาวปารีสเท่านั้นแต่รวมไปถึงเหล่านักทำขนมอบทั้งหลายในหลายประเทศต่างคลั่งไคล้หลงใหลในการทำขนมชนิดนี้  คุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ  สองชิ้นประกบกันตรงกลางมีไส้ลักษณะหน้าตาคล้ายอาหารฝรั่งที่ชื่อ แฮมเบอร์เกอร์  แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก  รสหวาน  สีสันสดใสในวันนี้  ร้านขนมเบเกอรี่ชั้นนำในเมืองไทยหลายแห่ง เริ่มหันทำขนมมาการองนี้ออกวางขายกัน  ถึงแม้ผู้บริโภคจะยังไม่ถึงกับต่อแถวรอซื้อ  แต่ผู้ที่ทำขนมนี้ได้อร่อยและงดงามน่ารับประทานเช่นเจ้าของต้นตำหรับดั้งเดิมสามารถที่จะยึดถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้แก่ตัวคุณเองได้

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมาของ Brand Chanel


กำเนิด CHANEL
                  หากถามผู้หญิงสังคมคนใด คงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก brand ดังยี่ห้อ Chanel เพราะไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่น้ำหอม ต่างเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนทั้งหลาย เป็นที่น่าแปลกที่ Brand ดังยี่ห้อนี้อยู่คู่กายผู้หญิงบนโลกใบนี้มาเกือบ 100 ปีแล้ว ด้วยการ Design ที่เน้นความเป็น Classic และ Elegant จึงทำให้ เสื้อผ้าของ Chanel ใส่ได้ทุกยุคทุกสมัยโดยไม่เคยตกขอบนิตยสาร Vogue เลย
Chanel หรือ Gabrielle "Coco" Chanel เกิดในเมือง Saumur เมืองเล็กๆในประเทศฝรั่งเศส ปี 1883 เธอเริ่มงานด้าน Fashion ที่ Shop เล็กๆ ในกรุงปารีส และเปิดกิจการ Couture เป็นของตัวเองครั้งแรกในปี 1914 ออกแบบและตัดเย็บสูทสำหรับสตรีด้วยผ้า wool jersey ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครคิดจะนำผ้าชนิดนี้มาตัดสูทใส้แก่ผู้หญิง กิจการของเธอต้องหยุดชะงั้กเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และเปิดอีกครั้งในปี 1919 ซึ่งในช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ เธอกลายเป้น Designer ชื่อดังที่มีแต่คนเข้ามา ไม่เว้นแต่การร่วมงานกับ นักศิลปะชื่อดังอย่างPicasso, Diaghiley ,Cocteau หรือ Dancer ชื่อดังอย่าง Serge Lifar ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เธอดังขึ้นอย่างเป็นทวีคูณ ด้วยชุดกลางวันที่ดูเรียบงายแต่แผงไปด้วยความหรู ด้วยสี ขาว ดำ เบจ หรือ สีแดงกับสี pastels(สีเจอขาว) Chanel ต้องปิดกิจการอีกครั้งเมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 2 และหลบไปใช้ชีวิตที่ประเทศสวิสเซอแลนด์ ช่วงปี 1939 8 ปีให้หลัง หลังจากสงครามโลกเธอตัดสินกลับสู่วงการธุกิจเสื้อผ้าอีกครั้งด้วยวัย 70 ต้นๆ ในปี 1954 ผลงานของเธอในกระโปรงทรง New Look กับสายคาดเอว นำรายได้มหาศาลให้เธออีกครั้งหนึ่ง หลัง              
                จากนั้น Jacket ไม่มีปกเสื้อบางเบาที่มีสายผูกบริเวณคอ กระโปรงสอบยาวแค่หัวเข่า รวมถึง การประดับไข่มุก และโซ่ทองในเครื่องแต่งกาย ล้วนแล้วแต่เป็นที่นิยมอย่างสูงในสตรีไม่เว้นแต่ยุโรป หากแต่ในอเมริกา และอีกหลายภูมิภาค นอกจากนี้ ช่วงปี 1922 Chanel ได้เริ่มสนใจในการผลิตน้ำหอม โดยเริ่มจาก Chanel No. 5 เธอได้รับรางวัลมากมายและเป็นที่ไว้ใจในการดูแลเครื่องแต่งกายให้แก่สตรีชั้นสูงหลายคน ไม่ว่าจะเป็นระดับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน หรือแม้แต่สตรีอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เธอจบชีวิตเมื่อวันที่ 10 มกราคม ปี 1971 ที่นครปารีส ประเทศฝรั่งเศสHouse of Chanel ยังคงดำเนินธุรกิจต่อในความดูแลของ Karl Lagerfeld แม้ว่าเธอจะเสียชีวิตไปกว่า 30 ปีแล้ว หากแต่สตรีใน ศตวรรษที่ 21 ก็ยังคงเลือก Chanel

โคโค่ ชาเนล ผู้ปฏิวัติโลกแห่งแฟชั่นของหญิงสาว เธอมักปรากฏตัวในภาพถ่าย  โดยมือหนึ่งคีบบุหรี่ หรือไม่ก็ยืนอยู่หน้ากระจกเงาอันเลื่องชื่อ เธอปลดปล่อยผู้หญิงออกจาก กรงขัง แห่งร่างกาย คอร์เซต อันรัดรึงจนแทบจะหายใจไม่ออก กับ กระโปรงอันฟูฟ่อง
           เธอสร้างสไตล์ที่เป็นของตัวเอง สไตล์ที่ขบถต่อความเป็นผู้หญิง โคโค่ ชาเนล  หยิบยืมไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นของเธอมาจากเสื้อผ้าผู้ชาย ดัดแปลงให้เป็นเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ 
เธอทำให้ผู้หญิงรู้จักกับ Little Black Dress และเสื้อ คาร์ดิแกน  ที่สวมใส่สบาย และดูไม่เหมือนใคร จนเป็นเสมือนตัวแทนแฟชั่นของชาเนลไปแล้ว สูททรงตรง ผ้าเจอร์ซี กลายเป็น คอลเล็กชั่นคลาสสิกของเธอ เดรสยาวเพียงเข่าซึ่งเสมือนการเปิดให้เห็นข้อเท้าของผู้หญิงครั้งแรก
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังแนะนำกางเกงสำหรับผู้หญิง กางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ต้องห้ามสำหรับ ผู้หญิง ในยุคนั้น
ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะใส่กางเกงได้ แต่ โคโค่ คิดและทำ
ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะสวมใส่เดรสที่ทำจากผ้าสำหรับตัดกางเกงในผู้ชาย 
แต่ โคโค่ คิดและทำ
ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนกไท แต่โคโค่ คิดและทำ
คือ เจ้าของตำนานน้ำหอมอันเลื่องชื่อ ที่เป็นอมตะไม่มีวันตายอย่าง Chanel No. 5
สิ่งที่ โคโค่ ชาเนล สร้างไว้แก่วงการแฟชั่น ไม่ใช่เพียงสไตล์เสื้อผ้าที่หรูหรา มีสไตล์ไม่เหมือนใคร
          แต่สิ่งที่เธอทำนั้น คือการพลิกความหมายของคำว่า แฟชั่นพลิกโลกสำหรับผู้หญิง สร้างกฏของเธอเอง กฏอันแสนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

           แฟชั่นที่เดินไปถึงตัวผู้หญิงทุกคน ทุกหัวระแหง ทุกมุมของถนน เหมือนกับประโยคที่เธอกล่าวไว้ข้างต้น ...


แฟชั่นที่ไม่สามารถปรากฏตัวพร้อมกับผู้คนตามท้องถนน นั่นไม่ใช่ แฟชั่น 
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศส Anne Fontaine  สนใจประวัติชีวิตความเป็นมาของGabrielle Coco Chanel ว่าเหตุใด Chanel จึงสามารถรักษาระดับของแบรนด์ตัวเองให้อยู่้ยาวนานมาได้จนถึงทุกวันนี้
พอได้ศึกษาลงลึกยิ่งทำให้รู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น ว่าอะไรคือเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ Coco Chanelก้าวขึ้นมายืนเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์สุดหรู ระดับไฮเอนด์ของฝรั่งเศสได้ ทั้งๆที่เธอโตมาจากเมืองเล็กๆในฝรั่งเศสเท่านั้น และไม่ได้รับการศึกษาสูงมากมาย ชีวิตของเธอต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเจอผู้คนมาเยอะ จากการเริ่มงานในวัยสาวด้วยการเป็นนักร้องในคาบาเร่ต์ และชื่อนิคเนมว่า Coco ที่เราคุ้นหูกันดีนั้น มีที่มาจากการที่เธอ ได้ขับร้องเพลง “Who’s Seen Coco in the Trocadero” ในคาบาเร่ต์
       สิ่งเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ Anne Fontaine คิดที่จะสร้างหนังอัตชีวประวัติของCocoChanel เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นมา   และการต่อสู้ของผู้หญิงคนนึงว่า    กว่าจะได้มาเป็นแบรนด์โก้หรูในตำนานอย่าง Chanel ได้นั้น ตัวเธอเองต้องผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง ตลอดจนวิธีคิดในการตัดสินใจ ณ ช่วงเวลานั้น ที่จะเลือกทางเดินให้กับชีวิตของตัวเอง



วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Louis Vuitton Malletier


Louis Vuitton Malletier โดยปกติแล้วพวกเราจะเรียกว่า 'หลุยส์ วิตตองแต่บางคนก็เรียกอย่างสั้นๆ ว่า แอลวี (LV) หลุยส์ วิตตองเป็นแบรนด์ที่กำเนิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 1854 โดยหลุยส์ วิตตอง มัลเลเทียร์ ตอนนี้แบรนด์หลุยส์ วิตตองได้เป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกรู้จัก สินค้าที่แบรนด์นี้จำหน่ายได้แก่ หีบห่อบรรจุเสื้อผ้า กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา และเครื่องประดับ
การกำเนิดแบรนด์ของหลุยส์ วิตตองได้กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1854 ในปารีส ณ ฝรั่งเศส ในขณะเดียวกันหลุยส์วิตตองเป็นแบรนด์ที่จัดว่าแบรนด์เก่าแก่หนึ่งแบรนด์ บริษัทที่ได้ดูแลและครอบครองหลุยส์ วิตตองในตอนนี้ก็คือ LVMH
บ้านหลุยส์ วิตตอง  (Louis Vuitton )
รุ่นแรก  หลุยส์ วิตตอง  (Louis Vuitton) ปี 1854 ช่างทำหีบผุ้ก่อตั้ง Louis Vuitton เริ่มจากการผลิตและจำหน่ายหีบซื่งเป็นกิจการส่วนตัว
ทายาทรุ่น 2 จอร์จ วิตตอง (George Vuitton) ปี 1896 เปิดตัว Monogram Canvas
ทายาทรุ่น 3 กาสตง หลุยส์ วิตตอง (Gaston Louis Vuitton)
ทายาทรุ่น 4  มี2คน คือ  อองรี  (Henry)  เป็นพี่ชาย   คล็อด(Claude) เป็นน้องชาย
ปี 1970  อองรี  หลุยส์ วิตตอง (Henry Louis Vuitton )   เขาแบ่งแยกความเป็นเจ้าของกับการบริหารงานออกจากกัน
ทายาท รุ่น5 พาทริก หลุยส์ วิตตอง (Patrick Louis Vuitton) เป็นลูกชายคนโตของ คล็อด(Claude) ร่วมกันสร้างสรรค์ สินค้า Special Order ด้วยเซนส์ด้านความงามกับเทคโนโลยีของ Louis Vuitton ที่สืบทอดต่อกันมา 156 ปี 5 รุ่น 6คน



วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำศัพท์(ผลไม้)




la pomme   แอปเปิ้ล
la banane   กล้วย
la cerise    เชอร์รี่
le raisin    องุ่น
le kiwi    กีวี
le citron   มะนาว
le litchi    ลิ้นจี่
la mandarine    ส้ม
la mangue    มะม่วง
l'ananas     สับปะรด
la grenade    ทับทิม
la pastèque      แตงโม

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำศัพท์(อาหาร)

Le petit déjeuner
เลอ เปอตีต์ เดฌัวเณ่
อาหารเช้า
Le déjeuner
เลอ เดฌัวเณ่
อาหารกลางวัน
Le dîner
เลอ ดีเณ่
อาหารเย็น
Le goûte
เลอ กูเต้
อาหารว่าง
Le hors d’œuvre, L’entrée
เลอ ออค เดิฟค์, ล็องเท่(ค)
อาหารเรียกน้ำย่อย
La soupe
ลา ซูป
ซุป
Le plat principal
เลอ ปลาต แพร็งซิปาล
อาหารหลัก
La salade
ลา ซาลาด(เดอะ)
สลัด
La cuisine
ลา คุยซีน
ห้องครัว
La selle à manger
ลา แซล ลา ม็องเฌ่
ห้องรับประทานอาหาร
La bière
ลา บีแย็รค
เบียร์
Une bouteille
อึน บูแตล
ขวดหนึ่งใบ
Le café
เลอ กาเฟ่
กาแฟ
Une carafe
อึน กาคาฟ
เหยือกสำหรับใส่น้ำหรือไวน์
La carte des vins
ลา กาคเตอะ เด แฟ็ง
รายการไวน์
Le jus
เลอ ฌู
น้ำผลไม้
Le verre
เลอ แฟวค
แก้ว
Les cuisses de grenouille
เล ควุซ เดอ เกรอคนุย
ขากบ
Le foie
เลอ ฟัว
ตับ
Le Pâté
เลอ ปาเต้
มูสที่ทำจากตับ
Le steak tartare
เลอ สเต็ก ตาค์ตารค์
สเต็กปรุงรส
Le tête de veau
เลอ เต๊ท เดอ ฟโว
หัวลูกวัว
À point
อา ป็วง
กึ่งสุกกึ่งดิบ
Bien cuit
เบียง กุย
สุกแบบสมบูรณ์, สุกพอดี
Bleu, saignant
เบลอ, เซนย็อง
ดิบ
Le bifteck
เลอ บีฟเต็ก
สเต็ก
À la broche
อะ ลา บค็อช
ทำให้สุกโดยใช้ไม้เสียบหมุนแล้วย่าง
Carbonisée
กาบองนิเซ่
ย่างกรอบ
Une Saucisse
อึน โซซีส
ไส้กรอก
Le porc
เลอ ป็อค
เนื้อหมู
La viande
ลา วิยองด์
เนื้อ
Une tranche
อึน ทค็องช์
ชิ้นสไลด์
Le poulet rôti
เลอ ปูเล ฮโคติ
ไก่อบ
La volaille
ลา โวลาย
เนื้อขาว
Aïoli
ไอโยลิ
กระเทียมซอสมายองเนส
Le coq au vin
เลอ ค็อก อู แว็ง
ไก่อบซอสไวน์แดง
La crêpe
ลา แคร็ป
เครป
Les huitres
เล อวิท(เทคอะ)
หอยนางรม
Le beurre
เลอ เบอค
เนย
Les oeufs
เลเอิฟ
ไข่